พญานาคผู้นี้อาศัยอยู่ที่ “สระโบกขรณี” ใกล้กับ “ต้นจิก”
ซึ่งท่านมีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนา จนเป็นที่มาของพระพุทธรูปปางหนึ่งชื่อว่า “ปางนาคปรก”
จนถึงปัจจุบันนี้
กล่าวคือ
หลังจากพรุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้วพระองค์ทรงประทับนั่งอยู่ภายใต้ “ต้นจิก”
หรือ “ต้นมุจจลินท์” ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศ “ตะวันออกเฉียงใต้” ใกล้ๆ
กับต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระองค์ตรัสรู้ ในขณะที่พระองค์นั่งเสวยวิมุตติสุขอยู่นั้น
ฝนเกิดตกลงมาอย่างหนัก พญามุจจลินท์นาคราช ได้ออกมาจากนาคพิภพ
เมื่อทรงเห็นดังนั้นก็รู้ว่าผู้ที่ประทับนั่งอยู่นั้นคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยอาการอย่างนั้น
พญามุจจลินท์นาคราชจึงมีดำริว่า ฝนและลมหนาว หรือสัตว์ทั้งหลาย
อย่าได้ถูกต้องพระวรกายของพระพุทธเจ้าเลย ทันใดนั้นท่านจึงวางวางขนดเป็น 7
รอบพร้อมแผ่พังพานอารักขาพระพุทธองค์จากสายฝน ลมหนาว และสัตว์ทั้งหลาย เมื่อล่วงไป
7 วัน พระพุทธองค์ทรงออกจากฌาณสมาบัติแห่งการเสวยวิมุตติสุข และฝนได้หยุดตกแล้ว
ท้าวท่านก็ได้คลายขนดออก
พร้อมกับจำแลงแปลงตนเป็นมาณพหนุ่มเข้าไปกราบถวายบังคมพระพุทธเจ้า ลำดับนั้น
พระพุทธองค์ทรงเปล่งพุทธอุทานใจความว่า “ความสุขที่แท้
เกิดจากการไม่เบียดเบียนกันและกัน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น