หลังจากที่พระพุทธองค์แสดง “ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร”
โปรดปัญจวคีย์ทั้ง 5 ที่ป่า อิสิปตนมฤคทายวัน แล้ว พระองค์ได้เสด็จไปที่ “ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม”
และที่ตำบลแห่งนี้เอง พระองค์ได้เจอกับพญานาคตนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ใน “โรงไฟ”
กล่าวคือ
ที่ตำบลแห่งนี้มีชฏิล 3 พี่น้องอาศัยอยู่ โดยผู้เป็นพี่มีชื่อว่า “อุรุเวลกัสสปะ”
มีบริวาร 500 คน อาศัยอยู่ที่ “ต้นน้ำ” คนที่สองชื่อว่า “นทีกัสสปะ”
มีบริวาร 300 คน อาศัยอยู่ที่ “คุ้งน้ำ” และน้องคนสุดท้องีมชื่อว่า “คยากัสสปะ”
มับริวาร 200 คน อาศัยอยู่ที่ “ท้ายน้ำ” ชฏิล 3 พี่น้องนี้ เป็นเจ้าของ “ลัทธิบูชาไฟ”
โดยที่ “โรงไฟ” จะมี พญานาค ตนหนึ่งอาศัยอยู่ ซึ่งทั้ง 3
พี่น้องให้ความเคารพนับถือและนอบน้อมต่อพญานาคตนนี้มาก (ชื่อพญานาคไม่ปรากฏชัดเจน)
นัยว่าพญานาคตนนี้ดุร้ายมาก เพียบพร้อมด้วยฤทธิ์เดช
และหากมีผู้แปลกหน้าคนใดเข้ามาภายในโรงไฟ ก็จะถูกพญานาคตนนี้เล่นงานจนถึงตาย
ครั้งนั้นในเวลาเย็น พระพุทธองค์ได้เสด็จมาเพื่อทรงโปรด ชฏิล 3
พี่น้อง โดยพระองค์ได้เสด็จเข้าไปหาชฏิลผู้เป็นพี่ก่อน ทรงทำทีว่าขอค้างแรมสักคืน
“อุรุเวลกัสสปะ” ผู้เป็นพี่ใหญ่ เมื่อเห็นว่าพระพุทธองค์เป็นนักบวชต่างจาก “ลัทธิ”
ของตนก็ไม่เลื่อมใส และอยากจะลองดี
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทจึงบอกเป็นนัยว่าไม่มีที่ว่าง มีแต่โรงไฟเท่านั้น
ถ้าจะพักค้างแรมก็ต้องไปพักที่นั่นเท่านั้น ซึ่งมีพญานาคที่ดุร้ายอาศัยอยู่ เมื่อพระพุทธองค์ได้โอกาสจึงตรัสตอบว่า
ทรงยินดี่ที่จะพักค้างแรมที่โรงไฟ จากนั้นพระองค์ก็ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปที่โรงไฟ
ส่วนอุรุเวลกัสสปะก็ได้แต่มองดู โดยในใจก็นึกว่า สมณะผู้นี้คงจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงรุ่งเช้า
เพราะจะถูกพระผู้เป็นเจ้าของเรา (พญานาค) เล่นงานจนตาย
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จเข้าไปประทับภายในโรงไฟและทรงทำสมาธิอยู่
ฝ่ายพญานาคก็ออกมาจากที่อยู่
เมื่อมองเห็นว่ามีผู้แปลกหน้าบุกรุกเข้ามาในถิ่นของตนก็บังเกิด “อหังการ”
จึงใช้ฤทธิ์เดชพ่นหมอกควันพิษใส่แขกผู้มาเยือนทันที แต่ด้วย “พุทธานุภาพ”
หมอกควันพิษนั้นไม่สามารถทำอันตรายพระพุทธองค์ได้เลย ในทางตรงกันข้าม
หมอกควันพิษที่พญานาคราชนั้นพ่นออกไป กลับย้อมมาถูกตัวเอง
เป็นเหตุให้พญานาคราชจอมอหังการ แปรสภาพเป็นงูตัวน้อยที่กำลังถูกรมด้วยควันพิษ
สิ้นฤทธิ์เดชในบัดดล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น