วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ท้าวมหากาล พญานาคราชแห่ง “มัญเชริกภาวัน”

ราชาแห่ง “นาคภิภพ” องค์แรกที่จะกล่าวถึงมีชื่อว่า “ท้าวมหากาลนาคราช” แห่ง “มัญเชริกภาวัน” ตามตำนานกล่าวว่า พญานาคราชผู้นี้มีอายุยืนยาวกว่าชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาทั่วไป คือมีอายุเท่ากับท้าวมหาพรหม (สหัมบดีพรหม) เลยทีเดียว โดยมีอายุเท่ากับอายุขัยของแสนโกฏิจักรวาล (ภัทรกัป)

พญานาคองค์นี้ดูเหมือนจะเป็นองค์แรกที่เข้ามามีบทบาทต่อพระพุทธศาสนา คือ หลังจากที่พระพุทธองค์ทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยาและได้กหันมาเสวยข้าวมธุปายาสที่ “นางสุชาดา” ถวายพร้อมถาดทองแล้ว ในครั้งนั้นพระพุทธเจ้าได้ถือถาดทองไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา จากนั้นทรงอธิษฐานว่า หากจะได้สำเร็จ “อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ” เป็นพระพุทธเจ้าในชาติปัจจุบันนี้ ก็ขอให้ถาดนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป เมื่อสิ้นคำอธิษฐาย พระองค์ก็ทรงวางถาดบนแม่น้ำ ทันใดนั้นก็เกิดอัศจรรย์ ถาดทองนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปไกลถึง 80 ศอก จึงไปหยุดอยู่ ณ วังน้ำวนแห่งหนึ่ง จากนั้นก็จมดิ่งหายไปจนถึงนาคพิภพอันเป็นสถานที่อยู่ของ ท้าวมหากาลนาคราช และซ้อนกันกับถาดสามใบของพระพุทธเจ้าในอดีตทั้งสามพระองค์ เกิดเสียงดัง “กริ๊ก” จนเป็นเหตุให้ท้าวมหากาลตื่นจากบรรทม (พระพุทธเจ้าในอดีตสามพระองค์คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า) เมื่อท้าวมหากาลตื่นและอาศัยเสียงกระทบกันของถาดทอง จึงรู้ว่า ณ เวลานี้จะมีพระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่อุบัติขึ้นอีกแล้ว จึงพากันเฉลิมฉลองถวายพระเกียรติแด่พระพุทธเจ้า (คาดว่าพญานาคราชองค์นี้จะได้เจอเหตุการณ์เช่นนี้อีก ในศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรย)

นอกจากนั้น ยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ท้าวมหากาลนาคราชมีบทบาทให้กล่าวถึง คือ หลังจากที่พระพุทธองค์นิพพานล่วงไปแล้ว “โทณพราหมณ์” ได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 8 ส่วน และกษัตริย์ราชวงศ์ “โกลิยะ” แห่งเมือง “รามคาม” ก็ได้รับแบ่งพระบรมสารีริกธาตุสว่นหนึ่งไปบูชา แต่หลายร้อยปีต่อมา สถูปที่บรรจุพระธาตุแห่งรามคามที่อยู่ใกล้แม่น้ำได้พังลง จนพระธาตุหลุดออกจากพระสถูปและได้จมหายไปกับกระแสน้ำ เมื่อท้าวมหากาลนาคราชทราบความดังนั้นจึงได้อัญเชิญพระธาตุไปบรรจุไว้ที่ “มัญเชริกภาวัน” นาคพิภพของตน หลังจากนั้นมา เมื่อพระอรหันต์สาวกทั้งหลายทราบข่าวก็ได้ลงไปยังนาคพิภพเพื่อนำพระธาตุกลับคืนมา แต่ก็ถูกปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็สามารถนำกลับมาได้ในที่สุด โดยบางแห่งว่าเป็นพระอรหันต์ชื่อว่า “โสนุตตระ” แต่บางแห่งว่าเป็น “สุมนสามเณร” ผู้อรหันต์ ซึ่งเป็นหลานของ “พระมหินทเถระ” เป็นผู้เอามือล้วงพระธาตุออกมาจากปากของท้าวมหากาลนาคราช

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น