พญานาคองค์นี้ดูเหมือนจะเป็นองค์แรกที่เข้ามามีบทบาทต่อพระพุทธศาสนา
คือ หลังจากที่พระพุทธองค์ทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยาและได้กหันมาเสวยข้าวมธุปายาสที่
“นางสุชาดา” ถวายพร้อมถาดทองแล้ว
ในครั้งนั้นพระพุทธเจ้าได้ถือถาดทองไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
จากนั้นทรงอธิษฐานว่า หากจะได้สำเร็จ “อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ”
เป็นพระพุทธเจ้าในชาติปัจจุบันนี้ ก็ขอให้ถาดนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป
เมื่อสิ้นคำอธิษฐาย พระองค์ก็ทรงวางถาดบนแม่น้ำ ทันใดนั้นก็เกิดอัศจรรย์
ถาดทองนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปไกลถึง 80 ศอก จึงไปหยุดอยู่ ณ
วังน้ำวนแห่งหนึ่ง จากนั้นก็จมดิ่งหายไปจนถึงนาคพิภพอันเป็นสถานที่อยู่ของ ท้าวมหากาลนาคราช
และซ้อนกันกับถาดสามใบของพระพุทธเจ้าในอดีตทั้งสามพระองค์ เกิดเสียงดัง “กริ๊ก”
จนเป็นเหตุให้ท้าวมหากาลตื่นจากบรรทม (พระพุทธเจ้าในอดีตสามพระองค์คือ
พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า) เมื่อท้าวมหากาลตื่นและอาศัยเสียงกระทบกันของถาดทอง
จึงรู้ว่า ณ เวลานี้จะมีพระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่อุบัติขึ้นอีกแล้ว
จึงพากันเฉลิมฉลองถวายพระเกียรติแด่พระพุทธเจ้า
(คาดว่าพญานาคราชองค์นี้จะได้เจอเหตุการณ์เช่นนี้อีก ในศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรย)
วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555
ท้าวมหากาล พญานาคราชแห่ง “มัญเชริกภาวัน”
ราชาแห่ง “นาคภิภพ” องค์แรกที่จะกล่าวถึงมีชื่อว่า “ท้าวมหากาลนาคราช”
แห่ง “มัญเชริกภาวัน” ตามตำนานกล่าวว่า
พญานาคราชผู้นี้มีอายุยืนยาวกว่าชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาทั่วไป
คือมีอายุเท่ากับท้าวมหาพรหม (สหัมบดีพรหม) เลยทีเดียว
โดยมีอายุเท่ากับอายุขัยของแสนโกฏิจักรวาล (ภัทรกัป)
นอกจากนั้น
ยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ท้าวมหากาลนาคราชมีบทบาทให้กล่าวถึง คือ
หลังจากที่พระพุทธองค์นิพพานล่วงไปแล้ว “โทณพราหมณ์”
ได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 8 ส่วน และกษัตริย์ราชวงศ์ “โกลิยะ”
แห่งเมือง “รามคาม” ก็ได้รับแบ่งพระบรมสารีริกธาตุสว่นหนึ่งไปบูชา
แต่หลายร้อยปีต่อมา สถูปที่บรรจุพระธาตุแห่งรามคามที่อยู่ใกล้แม่น้ำได้พังลง
จนพระธาตุหลุดออกจากพระสถูปและได้จมหายไปกับกระแสน้ำ
เมื่อท้าวมหากาลนาคราชทราบความดังนั้นจึงได้อัญเชิญพระธาตุไปบรรจุไว้ที่ “มัญเชริกภาวัน”
นาคพิภพของตน หลังจากนั้นมา เมื่อพระอรหันต์สาวกทั้งหลายทราบข่าวก็ได้ลงไปยังนาคพิภพเพื่อนำพระธาตุกลับคืนมา
แต่ก็ถูกปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็สามารถนำกลับมาได้ในที่สุด
โดยบางแห่งว่าเป็นพระอรหันต์ชื่อว่า “โสนุตตระ” แต่บางแห่งว่าเป็น “สุมนสามเณร”
ผู้อรหันต์ ซึ่งเป็นหลานของ “พระมหินทเถระ”
เป็นผู้เอามือล้วงพระธาตุออกมาจากปากของท้าวมหากาลนาคราช
ป้ายกำกับ:
ท้าวมหากาล,
นาคภิภพ,
มัญเชริกภาวัน,
สุชาดา,
อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น