พญานาคราชจอมอิทธิฤทธิ์ผู้นี้
ถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อพระพุทธศาสนาเช่นกัน
เพราะวีรกรรมที่ได้สร้างไว้ถึงจะไม่ชอบธรรมนักแต่ก็เปรียบเสมือนเป็นการเทิดพระเกียรติ
ประกาศก้องเกียรติคุณของพุทธองค์และเหล่าสาวกอีกแง่หนึ่ง
โดยปรากฏเป็นหลักฐานในบทสวด “พุทธชัยมงคลคาถา” คือ
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพุทธองค์ 8 ประการ ซึ่งเริ่มต้นด้วยคำว่า “พาหุง...”
เรื่องของพญานาคผู้ที่อยู่ใน พุทธชัยมงคล “คาถาที่ 7”
ว่าด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์ที่ทรงมีบรมพุทธานุญาตให้พระมหาโมคคัลลานะ
ไปปราบ พญานันโทปนันทนาคราช จนได้ชัยชนะ พระบาลีว่า
...นันโทปนันทะภุชะคัง วิพุธัง
มะหิทธิง
ปุตเตนัง เถระ ภุชะเคนะ
ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะ วิธินา ชิตวา
มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเต
ชะยะมังคะลานิ ฯ
การปราบนาคราชผู้นี้เกิดขึ้นเมื่อสมัยหนึ่ง
พระพุทธองค์พร้อมด้วยเหล่าสาวกจำนวน 500 รูป มีประสงค์จะเสด็จไปเทศนาประชาชนในถิ่นตำบลปัจจัตประเทศเขตชนบทแห่งหนึ่ง
ซึ่งจะต้องผ่านเส้นทางที่ขรุขระทุระกันดาร ทั้งแม่น้ำลำธาร ป่าดงดิบ
และสัตว์ร้ายนานาชนิดอีกมากมาย และครั้นเหาะผ่านสถานที่ พญานันโทปนันทนาคราช
อาศัยอยู่ เมื่อแลเห็นพระภิกษุทั้งหลายซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
แทนที่จะรู้สึกดีใจหรือเลื่อมใสที่ได้เห็น
กลับเกรี้ยวกราดโกรธด่าปริภาษพระพุทธเจ้าและเหล่าสาวกด้วยวาจาป่าเถื่อนว่า “สมณะโล้นพวกนี้ถือดีว่ามีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
สามารถเข้าฌาณและเหาะเหินเดินอากาศได้ บังอาจทำลายศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของกู
รวมหมู่กันเหาะข้ามวิวาสสถานกูอย่างสำราญโดยไม่ใยดี
ปล่อยให้ฝุ่นธุรีจากปลายเทาปลิวมารดหัวกู เห็นทีกูจะต้องทำลายฌาณ
ดัดสันดานเสียให้เข็ด ต่อไปจะได้ไม่เหาะมาให้ฝุ่นธุรีปลิวมารดหัวกูอีก” ว่าแล้วก็ไม่รีรอ
นับ 1 ถึง 3 พญานันโทปนันทนาคราช จึงตรงไปยัง “เขาสุเมรุ”
ได้เนรมิตตัวเองเป็น “นาคใหญ่” โอบรัดเขาสุเมรุด้วยขนด 7 รอบ
แล้วแผ่พังพานพ่นหมอกควันให้มืดมนไปทั่วท้องนภากาศด้วยหมายใจจะให้ควันนั้นทำลายพระเนตร
และปิดทางเสด็จของพระพุทธองค์และเหล่าสาวก
เมื่อพระสงฆ์ทั้งหลายเกิดทุกขเวทนาแล้วกจะได้ลงมาจากอากาศเพื่อมาขอโทษตน
เมื่อเกิดความผิดปกติ ภิกษุทั้งหลายจึงทูลถามพระพุทธองค์
และก็ได้รับพระพุทธดำรัสตอบว่า “เป็นเพราะอานุภาพของพญานันโทปนันทนาคราช”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พระเถระที่ชื่อ “รัฐบาล” เกิดอาการ “หมั่นไส้”
อาสาที่จะไปปราบพญานาคราชด้วยตนเอง แต่พุทธองค์ก็ทรงตรัสห้าม
นอกจากนั้นก็ยังมีอีกหลายรูปที่ “เคือง” ทูลอาสาจะไปปราบ เช่น “พระราหุล”
เป็นต้น แต่พุทธองค์ก็ทรงตรัสห้ามเช่นกัน ต่อเมื่อ “พระโมคคัลลานะ”
อัครสาวกเบื้องซ้ายและเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายด้านอิทธิฤทธิ์ทูลขอโอกาส
พระพุทธองค์จึงทรงอนุญาต
โดยพระเถระได้เนรมิตตัวเองเป็นจอมนาคราชที่เหนือกว่าพญานันโทปนันทนาคราช 1
เท่าตัว
แล้วพุ่งไปพันโอบรัดพยานันโทปนันทนาคราชด้วยขนด 14 รอบจนแน่น
ทำให้พญานันโทปนันทนาคราชได้รับความอึดอัดและทรมาร ทีนั้น พญานันโทปนันทนาคราช
ได้พ่นควัญพิษใส่พระเถระแต่พระเถระก็แผ่พังพานพ่นควันพิษกลับคืน
เป็นเหตุให้พญานาคราชถูกพิษและได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
พร้อมกันนั้นก็พลิกกายทำท่าเลื้อยหนี พระเถระจึงแปลงกายเป็น “พญาครุฑ” ตัวใหญ่เข้าจับด้วยกรงเล็บทันที
จนพญานันโทปนันทนาคราชต้องร้องขอ เมื่อรู้ว่าพยานาคราชสำนึกผิดแล้ว พระเถระได้นำ พญานันโทปนันทนาคราช
ที่จำแลงแปลงกายเป็นมนุษย์มาเข้าเฝ้าพุทธองค์ซึ่งประทับรออยู่
พระพุทธองค์ได้แสดงธรรมเทศนาให้ฟังจนพญานันโทปนันทนาคราชเลื่อมใส นับถือพระรัตนตรัย
เป็นที่พึ่งไปตลอดชีวิต
ขอกราบขอบพระคุณคณะเพจค่ะ ดิฉันช่างโชคดีพร้อมกับชาวพุทธทั้งหลายที่ได้ทราบพระธรรมและพระพุทธศาสนาที่ได้ล่วงเลยมานับหลายพันปีและธำรงค์อยู่นิรันดร์ด้วยพระรัตนตรัยอันเป็นที่พึ่งสูงสุดขอคณะเพจ นำพระธรรมคำสอนพระพุทธศาสนาเผยแผ่ให้รุ่งเรืองต่อสาธุชนสืบไปค่ะ สาธุสาธุ
ตอบลบ