วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

พญานาคจำแลงเป็นเรือ พาหลวงปู่ชอบข้ามลำโขง

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านเป็น ศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตเถระ เป็น ศิษย์อาวุโสรุ่นเดียวกันกับหลวงปู่ หลุย ถ้ำผาบิ้ง, หลวงปู่ซามา, หลวงปู่ เทสก์ เทสรังสี,หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นต้น ในหนังสืออัตตโนประวัติของ หลวงปู่ชอบนั้น หลวงปู่เทสก์ เท สรังสี ได้เขียนคำนำไว้ตอนหนึ่งมีใจ ความว่า พระอาจารย์ชอบ ฐานสโม มี อะไรๆ พิเศษในตัวท่าน เป็นที่รู้กัน อยู่ในหมู่พวก ท่านมักรู้ว่าใครคิด อะไร เมื่อท่านทักเข้าผู้นั้นก็อายท่าน พระเณรที่ชอบคิดนึกอะไรๆ พิเรนทร์หรือวิตถารพอเห็นพระอาจารย์ชอบก็กลัวไม่กล้าสู้หน้า กลัว ท่านจะทักเอาว่ากำลังคิดอะไร และอีกเรื่องหนึ่งนั้น พระ อาจารย์ชอบมีปุพวาสนาบารมีทาง ติดต่อกับผีสางเทวดา แม้แต่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตเถระ ผู้เป็นพระ อาจารย์ใหญ่ ในบางครั้งเมื่อมีเรื่อง สำคัญต้องติดต่อกับเทพเจ้าชั้นสูง ก็ยังต้องบอกพระอาจารย์ชอบให้ช่วย ติดต่อให้

อันนี้เป็นวาสนาบารมีแต่ ปางก่อนที่สร้างสมมาไม่เหมือนกัน แต่ละบุคคลย่อมจะมีความเก่งไป คนละอย่าง เหตุผลที่หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี กล่าวนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึงเรื่องพระ สิวลีขึ้นมาได้ พระสิวลีเป็นพระ อรหันต์ที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่า เป็นเลิศทางลาภผลหาผู้มาเสมอ เหมือนมิได้ ความตอนหนึ่งพระผู้มีภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็น ประธาน นำพระภิกษุสงฆ์จำนวน มากจะผ่านไปยังเมืองหนึ่ง เมืองนั้น แห้งแล้งกันดารยับเยินด้วยทุกขภิกข ภัยย่ำยีอยู่ผู้คนทั้งหลาย อดอยากปาก แห้ง ล้มตายกันมากไม่มีอาหารกิน พระพุทธองค์ทรงเล็งด้วยพระ ญาณแล้วก็ทรงรู้แจ้งว่ามีแต่พระสิวลี อรหันตเถรเจ้าเท่านั้นจะสามารถบันดาลให้เมืองนั้นหยุดแห้งแล้ง กันดารได้ ชาวเมืองพอจะมีกำลัง วังชาแสวงหาอาหารมาใส่บาตรเลี้ยง พระไม่ให้อดอยาก พระพุทธองค์จึงตรัสให้พระสิวลีเดินทางล่วงหน้าไป ก่อนเป็นเวลา 2-3 เดือน ครั้นเมื่อพระสิวลีเดินทางไปถึง เมืองอันแห้งแล้งอดอยากก็เกิด อัศจรรย์ด้วยอานุภาพบุญญาบารมีของพระสิวลี บันดาลให้ฝนตกลงมา น้ำท่าอุดมสมบูรณ์เต็มแม่น้ำใหญ่ ห้วย หนอง คลอง บึง และยังเจิ่งนอง ไปทั่ว ติณชาติรุกขชาติงอกงามเขียว ชอุ่มชาวบ้านราษฎรทั้งหลายทำไร่ ไถนาหาปูปลาทำมาหากินกันเป็นที่ เอิกเกริก ลงหลักปักดำทำนาได้เพียง ชั่วไม่กี่วันข้าวกล้าก็งอกงามเขียว ตกรวงอวบอิ่มเป็นมหัศจรรย์เพียงชั่วเดือนเดียวข้าวในทุ่งนาก็ เหลืองอร่ามได้เก็บเกี่ยวกันแล้ว ได้ ข้าวล้นยุ้งล้นฉาง มีชาวเมืองอื่นแห่ กันมาซื้อข้าวไม่ขาดสาย ทำให้ชาวไร่ชาวนามีเงินทองจับจ่ายใช้สอยกัน เป็นที่เบิกบานใจ 3 เดือนต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้า ทรงนำขบวนธรรมยาตราไปถึงเมือง นั้น ประชาชนที่ฟื้นตัวจากความอดอยากแล้วและมีความอุดมสมบูรณ์ แล้ว จึงพากันใส่บาตรอย่างล้นหลาม ยังความสะดวกสบายให้แก่พระสงฆ์ ทุกรูปในกองทัพธรรม เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า แม้แต่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าใน บางครั้ง พระพุทธองค์ก็ยังทรงยอม รับว่า มีพระอรหันตสาวกบางองค์ เช่น พระสิวลีเป็นเลิศกว่าพระ พุทธองค์ในทางลาภผล

ที่นี้มากล่าวถึงหลวงปู่ชอบต่อ ไป ท่านระลึกชาติได้หลายชาติ บาง ชาติเป็นมนุษย์บางชาติเป็นสัตว์ ชาติ สุดท้ายเป็นเก้งถูกพรานยิงตายใกล้ บ้านโคกมน อำเภอวังสะพุงจังหวัด เลย ดังนั้นในชาตินี้ท่านจึงไปสร้าง กุฏิครอบจอมปลวกตรงที่อีเก้งตาย ครั้งหนึ่ง สมัยหลวงปู่ชอบ บำเพ็ญเพียรอยู่วัดป่าแห่งหนึ่ง ท่าน พบว่าในตอนเช้า ๆจะมีชายหนุ่มผู้ หนึ่งมาถวายจังหันเสมอ เขาจะกลับ ไปพร้อมญาติโยมชาวบ้าน แต่แปลก ตรงที่เวลามาถวายจังหันเขาจะแยก นั่งคนเดียวอยู่ห่างๆ จากชาวบ้าน

หลวงปู่ชอบรู้สึกสงสัยจึงได้แอบถาม ชาวบ้านดูว่าชายหนุ่มผู้นั้นเป็นลูกเต้า เหล่าใคร ชาวบ้านตอบว่าไม่ใช่คนใน หมู่บ้านตำบลนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่า เป็นใคร
อยู่ต่อมาวันหนึ่ง ชายหนุ่ม คนนั้นก็มาถวายจังหันอีกและแยกนั่ง ห่างๆ จากญาติโยมชาวบ้าน เมื่อพระ เณรฉันข้าวเสร็จแล้วชาวบ้านก็กราบ ลาทยอยกันกลับบ้าน
ชายหนุ่มผู้นั้น ก็กลับ หลวงปู่ชอบจึงแอบสะกดรอย ตามไปห่างๆ ก็ต้องพบกับความ ประหลาดใจ เพราะชายหนุ่มผู้นั้นได้เดินลง ไปในสระน้ำเก่าแก่ในบริเวณวัดป่า นั้นเอง

เมื่อลงไปจนจมน้ำมิดหายไป แล้ว ท่านก็เฝ้าดูอยู่นานก็ไม่เห็นโผล่ ขึ้นมาจึงกลับกุฏิ เช้าวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มผู้นั้นมา ถวายจังหันอีก เมื่อถึงตอนกราบลากลับหลวงปู่ชอบได้เรียกไว้ถามไถ่ เอาความว่าเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร? บ้านอยู่ไหน? เมื่อวานนี้ลงไปในสระ น้ำแล้วไม่โผล่ขึ้นมาเลย เขาเป็น ผีหรือเป็นคน?

ชายหนุ่มลึกลับผู้นั้นได้สารภาพ ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ เขาเป็นโอปปาติกะ พญานาคอยู่ในสระน้ำแห่งนั้น มี หลวงปู่มั่น ภูริทัตเถระ ความเคารพนับถือในศีลาจารวัตรของพระป่าที่เคร่งครัดในพระธรรม วินัย จึงได้แปลงกายเป็นมนุษย์มาตัก บาตรทุกเช้า หลวงปู่ชอบพอใจในศรัทธาของ พญานาคมาก ได้โมทนาสาธุให้ศีล
ให้พรขอให้พญานาคเจริญรุ่งเรืองใน พระศาสนา เกิดชาติหน้าขอให้ได้ เป็นมนุษย์ ได้บรรพชาอุปสม บทบำเพ็ญเพียร บรรลุมรรค ผล นิพพาน พญานาคพอใจมากได้กราบ ลาไป

ตั้งแต่วันนั้นไม่ได้มาอีกเลย คงเกรงชาวบ้านจะรู้ความลับของ ตนแล้วมารบกวนในภายหลังก็เป็น ได้ หลวงปู่ชอบกับหลวงปู่หลุย เป็น พระสหธรรมิกที่รักใคร่นับถือกัน มากมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน เสมอ หลวงปู่หลุยจำพรรษาอยู่ที่วัด ป่าถ้ำผาบิ้ง จังหวัดเลยท่านได้เล่าให้ ญาติโยมฟังว่า ที่ถ้ำผาบิ้ง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย มีพญานาคมีช่องหรือรู ทางขึ้นลงของพญานาคอยู่ในถ้ำ ผาบิ้ง เป็นช่องขนาดตัวคนสามารถ คลานลงไปได้ วันดีคืนดีจะส่งเสียง ร้องดังสนั่นหวั่นไหวเหมือนเสียงฟ้า ร้องเคยมีคนใจคอกล้าหาญไม่กลัว ตาย เอาเชือกผูกเอวคลานลงไปในรู ของพญานาค รูนั้นลึกชอนไชลงไป จนทะลุออกแม่น้ำ เมื่อทดลองเอา ผลส้มกลิ้งลงไปส้มนั้นกลิ้งลงไปถึงแม่น้ำ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม มีประสบ การณ์ได้เกี่ยวข้องกับพญานาคหลาย ครั้งหลายครา สมัยเมื่อศิษยานุศิษย์ นิมนต์ท่านไปโปรดญาติโยมที่สหรัฐอเมริกาและแคนาดาตอนที่ญาติโยม พาท่านไปชมน้ำตกในแองการานั้น ท่านเล่าว่า พญานาคในน้ำตกแองการาแห่ง นั้นได้แปลงกายเป็นมนุษย์ขึ้นมา นมัสการท่าน! ครั้งหนึ่งหลวงปู่ชอบเดินธุดงค์ อยู่แถวแม่น้ำเหียง จังหวัดเลย แม่น้ำ นี้ไหลออกทางแม่น้ำโขง ท่านอยาก จะข้ามแม่น้ำโขงไปธุดงค์ทางฝั่ง ประเทศลาว แต่ไม่มีเรือนั่งข้ามไป

ดังนั้นเมื่อกางกลดพักแรมที่ริมฝั่งแม่น้ำ เหียงในคืนนั้น ขณะนั่งเจริญภาวนา ก็เกิดนิมิตภายชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามา นั่งกราบ 3 ครั้ง แล้วพูดว่าได้ทราบว่าพระคุณเจ้าจะข้าม ไปแสวงวิเวกทางฝั่งลาว พวกข้าพเจ้า รู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง อยากจะขอ นิมนต์พระคุณเจ้าข้ามไปฝั่งโน้นโปรดสัตว์ผู้ยากให้พ้นจากความหลง โมหะอวิชชา ในนิมิตสมาธินั้น หลวงปู่ชอบ ได้รับนิมนต์ด้วยอาการสงบหรือ ดุษณี คือยิ้มรับโดยไม่พูดอะไรอันเป็นอากัปกิริยาสำรวมตนของพระ สงฆ์ เรียกว่ามีสมณสารูป ครั้นรุ่งเช้า หลวงปู่ชอบไป บิณฑบาตในหมู่บ้านและกลับมาฉัน ข้าวแล้ว ท่านก็เก็บกลดเครื่องบริขารธุดงค์ออกเดินทางเลียบมาตามริมฝั่ง แม่น้ำเหียงใกล้ๆ กับแม่น้ำโขง มองออกไปในลำน้ำเหียงมีแต่ความ ว่างเปล่าเงียบสงบ สายลมพัดพลิ้ววู่หวิวดูวังเวงไม่เห็นวี่แววสิ่งมีชีวิต ใดๆ เลย แต่แล้วในพริบตานั้นจู่ๆ ก็เห็น เรือน้อยลำหนึ่งพุ่งออกจากฝั่งตรง ข้ามตรงมา คนเรือพายวาดหัวเรือตัดกระแสน้ำเหียงเข้ามาหาอย่างจงใจ เมื่อพายเข้ามาถึงตลิ่งแล้วคนพายได้ ร้องขึ้นว่า นิมนต์ลงเรือเถิดพระคุณเจ้า หลวงปู่ชอบได้ถามว่า จะไปทางไหนกันเล่าโยม ชายคนนั้นตอบว่า ข้าน้อย‚จะไปฝั่งลาวยินดีรับ หลวงพ่อไปฝั่งโน้น หลวงปู่ชอบจึงไปลงเรือน้อยลำ นั้น คนเรือมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสให้ความเคารพนอบน้อมอย่างน่าสังเกต เขาวาดหัวเรือออกจากตลิ่งอย่าง หลวงปู่หลุย ถ้ำผาบิ้ง หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี คล่องแคล่วชำนาญ พาเรือตัดออกกลางลำน้ำเหียงเข้าสู่ลำน้ำโขงอัน กว้างใหญ่ มุ่งหน้าเข้าสู่ฝั่งประเทศ ลาว เมื่อเรือเข้าถึงหาดทรายฝั่งลาว แล้ว หลวงปู่ชอบก็ประคองถุงบาตร และกลดลงจากเรือ

พอเหยียบหาด ทรายได้ถนัดยืนมั่นคงดีแล้ว ก็หัน กลับมาจะขอบใจให้พรเจ้าของเรือ แต่ก็ต้องประหลาดใจเรือน้อยลำนั้น หายไปเสียแล้ว ท่านมองไปทั่วลำน้ำโขงมีแต่ความเวิ้งว้างสงบเงียบ กระแสลมพัดพลิ้วเป็นระยะทำให้ รู้สึกวังเวงใจ แต่ในทันใดนั้น ก็ได้เห็นจระเข้ ตัวหนึ่งลอยฟ่องขึ้นเหนือผิวน้ำโขง

หันหัวอันใหญ่โตของมันมามอง หลวงปู่ชอบนัยน์ตาแป๋ว ท่านจึง กำหนดจิตเป็นสมาธิส่งกระแสพลัง จิตไปยังจระเข้ลึกลับตัวนั้นเป็นเชิง ทักทายถามไถ่ พลันก็รู้ว่า

จระเข้ยักษ์ใหญ่นั้น เป็นพญานาคแปลงร่างเป็นจระเข้ และเป็นผู้แปลงร่างเป็นเรือ เป็น คนพายเรือพาท่านข้ามน้ำมาส่งที่ฝั่ง ลาวนั่นเอง! แต่เพื่อความแน่ใจท่านจึง ทดลองเดินไปบนหาดทรายกว้างที่ ทอดตัวเข้าหาดลิ้วสูง พอเดินไกลมา พอสมควรแล้ว จึงได้หันไปมองอีก ก็ยังเห็นจระเข้ใหญ่ตัวนั้นลอยฟ่องเหมือนท่อนซุงมองท่านอยู่อย่างอาลัย อาวรณ์ ท่านจึงกำหนดจิตแผ่เมตตา อุทิศกุศลให้ แล้วพูดออกมาว่า เอาล่ะ เราขอบใจท่านที่ช่วยเป็น

ภาระให้เราข้ามมายังฝั่งนี้ได้เรียบร้อย เราจะเดินทางต่อไป ท่านอย่าเป็นห่วง เลย เมื่อหลวงปู่ชอบกล่าวจบจระเข้ ลึกลับตัวนั้นก็แสดงอาการชูหัวขึ้นสูง 3 ครั้ง แสดงความคารวะ แล้วหมุนตัว จมวูบหายไปในลำน้ำโขงเป็นที่น่า พิศวงยิ่งนัก ครูบาอาจารย์หลายองค์ที่เป็น ศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตเถระ มี

ประสบการณ์ได้เห็นพญานาค เช่น หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญวิเวก บ้านข่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัด นครพนม หลวงปู่จาม วัดวิเวกวัฒนา ราม อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร หลวงพ่อบาน วัดสันติธรรม ริมฝั่งแม่ น้ำศรีสงคราม บ้านโพนก่อท่า ตำบล นาคำ อำเภอศรีสงคราม จังหวัด นครพนม พระอาจารย์บุญเพ็ง วัดป่า

หนองแสงวนาราม อำเภอวังหว้า จังหวัดนครพนม หลวงปู่อวน วัดจัน ทิยาวาส อำเภอปลาปาก จงนครพนม หลวงปู่ทอง วัดสว่างอารมณ์ ตำบล ดอนหญ้านาง อำเภอพรเจริญ จังหวัดหนองคาย เป็นต้น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม กล่าวให้ ศิษย์ทั้งหลายฟังเป็นทำนองสรุป อย่างกว้างๆ ว่าการเห็นพญานาคนั้น แต่ละบุคคลจะเห็นไม่เหมือนกัน เสมอไป

บางคนเห็นด้วยสายตาปกติ ธรรมดาของคนเราแต่บางคนเห็น พญานาคแต่ในนิมิตสมาธิขณะนั่ง เจริญภาวนาเท่านั้น ไม่เคยเห็นด้วย ตาเปล่า อันนี้ขึ้นอยู่กับปุพวาสนา

บารมีที่สร้างมาต่างกันหลวงปู่ชอบ พูดว่า เราเคยเห็นพญานาคเหมือนรูป เขียนที่ผนังโบสถ์นั่นแหละ พญานาค มีสามหงอนบ้าง มีสี่หงอนบ้าง มีเจ็ด หงอนบ้าง

พญานาคมาด้วยกันทั้งตัว ผู้ตัวเมียก็เคยเห็น มีหงอนสีแดง มีแผง คอเหมือนม้า ลำตัวใหญ่ยาวเกล็ดสี ดำเป็นมันเลื่อม บางครั้งพญานาคก็มาแบบ มนุษย์

ทรงเครื่องแบบกษัตริย์สง่า งามมาก มีข้าราชบริพารแห่แหนมา เหมือนขบวนพระราชา เราพบมาหลายแบบ พญานาค จำแลงกายเป็นงูตัวเล็กๆ ก็มี แปลง กายเป็นตาผ้าขาวก็มีเป็นผู้หญิงก็มี เป็นชาวบ้านธรรมดาก็มี แปลงร่าง เป็นเสือก็มี และมีอีกหลายอย่าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น