วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“ปลาพญานาค”

ทหารอเมริกันถ่ายรูปกับสัตว์น้ำรูปร่างประหลาด โดยมีเรื่องเล่าสึบต่อกันมาว่า สัตว์น้ำที่จับได้นั้นคือ “พญานาค”


คุณจำภาพนี้ได้ไหม? อีกหนึ่งภาพประวัติศาสตร์ที่เป็นจุดกำเนิดให้ผู้คนทั่วไปเกิดความสนใจเรื่องของ “พญานาค” ริมฝั่งโขง ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเรียกและรู้จักในนามว่า “ปลาพญานาค”



สัตว์น้ำรูปร่างประหลาดที่ปรากฏในภาพนั้นมีชื่อเรียกขานอยู่มากมาย นับแต่ต้นที่มีคนเชื่อว่าสัตว์ดังกล่าวคือ พญานาค คำว่า “บางพะยาบาภ” ซึ่งเป็นคำในภาษาลาว แปลว่า นางพญานาค แต่ต่อมาได้เพี้ยนไปเป็น  “ปลาพญานาค” เนื่องจากลักษณะลำตัวคล้านปลา แต่ส่วนหัวคล้ายกับพญานาค และชื่ออื่นๆ อย่าง ปลาใบพาย ปลาริบบิ้น เป็นต้น ด้วยความที่มีรูปร่างแบนและยาว แต่สำหรับในท้องถิ่นอื่นๆ และประเทศอื่นจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไป ตามความเชื่อ ประเพณี และวัฒนะธรมม เช่น

ประเทศจีนและญี่ปุ่น มีความเชื่อว่า หากได้พบเห็นปลาชนิดนี้ซึ่งปกติมีถิ่นอยู่ในทะเลน้ำลึกโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำหรือเกยตื้นเมื่อไหร่ เป็นไปได้ว่าที่ใต้ทะเลอาจเกิดแผ่นดินไหวหรือธรณีเคลื่อนตัว จนมันตกใจและหนีขึ้นมา พวกเขาเลยตังชื่อให้มันว่า “ปลาแผ่นดินไหว” หรืออีกชายา คือ “มังกรทะเลลึก” ชาวตะวันตกจะมองว่าส่วนหัวของมันคล้ายครึงกับ มังกร ในขณะที่บ้านเราเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกับ พญานาค

แต่สุดท้ายไม่ว่าเราจะเรียกหรือมีความเชื่อเกี่ยวกับมันอย่างไร ปัจจุบันได้มีผู้เชี่ยวชาญทำการศึกษาเรื่องราวของมันจนได้ข้อมูลที่มาพอจะนำไปค้นคว้าและสืบค้นต่อ หลังจากที่เจ้าสัตวืลึกลับในตำนานนี้ออกมาโชว์ตัวบ่อยขึ้น ซึ่งบัดนี้มันมีชื่อสากลเรียกขานกันสั้นๆ ว่า “ปลาออร์” (OARFISH)



“ปลาออร์” OARFISH) มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับพญานาคตามความเชื่อของไทย หรือมังกรทะเลในความเชื่อของชาวตะวันตก โดยมีความยาวได้สูงสุด 9 เมตร และหนัก 300 กิโลกรัม แต่ก็มีบันทึกไว้ใน กินเนสสืบุ๊ก ออฟ เวิร์ลด์ เรคคอร์ด ด้วยว่า ปลาชนิดนี้เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่ยาวที่สุดในโลก โดยอาจยาวได้ถึง 11 เมตร ในขณะที่บางกระแสระบุว่าอาจยาวถึง 15 เมตร หรือกว่านั้น


ปลาขนาดนี้มีขากรรไกรยาว หน้าฝากโหนกคล้ายม้า ตาโต ครีบบนหลังเป็นสีชมพูแดง ยาวยื่นออกมาถึงหัวเหมือนกับหงอนเล็กๆ เป็นจุดเด่นดูสะดุดตา และมีครีบพิเศษ ยื่นออกมาทั้งสองข้างของส่วนหัว ลักษณะคล้ายกับใบพาย ส่วนลำตัวแบน สีเงิน มีลายเป็นจุดสีฟ้าและดำประปราย

อาศัยอยู่ในท้องทะเลลึกระหว่าง 50-250 เมตร จึงพบเห็นได้ยากมาก แต่ก็มีคนพบเห็นเป็นระยะๆ ในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่มักถูกคลื่นสัดมาเกยหาด หรือไม่ก็เกิดอาการผิดปกติขึ้นกับปลา เช่น ป่วย หรือใกล้ตาย น้อยครั้งที่จะพบเห็นขณะมีชีวิตอยู่ ปลาชนิดนี้กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร ไม่เป็นอันตรายและไม่ทำร้ายมนุษย์ แต่เคยมีนักวิจัยชาวนิวซีแลนด์ระบุว่าหากแตะตัวมันขณะมันยังมีชีวิตอยู่ มันจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาช็อตได้

ปลาออร์เมื่อปรากฏตัวขึ้นที่ใดก้มักจะเป็นข่าวคึกโครมอยู่เสมอๆ ซึ่งเนื้อหาข่าวจะเป็นไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น อาทิ

ชาวประมงไต้หวันจับได้ “ปลาแผ่นดินไหว” สำนักข่าวกลางแห่งจีน หรือ จงซินหวั่ง รายงาน ชาวประมงจับปลาหวงไต้อี๋ว์ได้ที่บริเวณชายฝั่งจู๋หนัน

ปลาหวงไต้อี๋ว์ หรือตามความเชื่อโบราณเรียกว่า “ปลาแผ่นดินไหว” ลำตัวยาว 3.5 เมตร


ไม่ว่า ปลาพญานาค ชื่อที่คนไทยคุ้นเคย จะมีชีวิตอยู่ตามความเชื่อหรือข้อพิสูจน์ทางชีววิทยาก็ตาม ก็ยังคงมีปริศนาอีกมากรอให้เราหาคำตอบกันต่อไป


สุดท้ายแล้วเรื่องเล่าต่างๆ เกี่ยวกับ “ปลาพญานาค” จะจริงหรือไม่ เป็นเพียงนิทานหรือสิ่งมหัศจรรย์...จนถึงตอนนี้ก็ยังยากจะคาดเดา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น