ทหารอเมริกันถ่ายรูปกับสัตว์น้ำรูปร่างประหลาด
โดยมีเรื่องเล่าสึบต่อกันมาว่า สัตว์น้ำที่จับได้นั้นคือ “พญานาค”
คุณจำภาพนี้ได้ไหม? อีกหนึ่งภาพประวัติศาสตร์ที่เป็นจุดกำเนิดให้ผู้คนทั่วไปเกิดความสนใจเรื่องของ
“พญานาค” ริมฝั่งโขง ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเรียกและรู้จักในนามว่า “ปลาพญานาค”
สัตว์น้ำรูปร่างประหลาดที่ปรากฏในภาพนั้นมีชื่อเรียกขานอยู่มากมาย
นับแต่ต้นที่มีคนเชื่อว่าสัตว์ดังกล่าวคือ พญานาค คำว่า “บางพะยาบาภ”
ซึ่งเป็นคำในภาษาลาว แปลว่า นางพญานาค แต่ต่อมาได้เพี้ยนไปเป็น “ปลาพญานาค” เนื่องจากลักษณะลำตัวคล้านปลา
แต่ส่วนหัวคล้ายกับพญานาค และชื่ออื่นๆ อย่าง ปลาใบพาย ปลาริบบิ้น เป็นต้น
ด้วยความที่มีรูปร่างแบนและยาว แต่สำหรับในท้องถิ่นอื่นๆ
และประเทศอื่นจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไป ตามความเชื่อ ประเพณี และวัฒนะธรมม
เช่น
ประเทศจีนและญี่ปุ่น มีความเชื่อว่า
หากได้พบเห็นปลาชนิดนี้ซึ่งปกติมีถิ่นอยู่ในทะเลน้ำลึกโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำหรือเกยตื้นเมื่อไหร่
เป็นไปได้ว่าที่ใต้ทะเลอาจเกิดแผ่นดินไหวหรือธรณีเคลื่อนตัว จนมันตกใจและหนีขึ้นมา
พวกเขาเลยตังชื่อให้มันว่า “ปลาแผ่นดินไหว” หรืออีกชายา คือ “มังกรทะเลลึก”
ชาวตะวันตกจะมองว่าส่วนหัวของมันคล้ายครึงกับ มังกร
ในขณะที่บ้านเราเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกับ พญานาค
แต่สุดท้ายไม่ว่าเราจะเรียกหรือมีความเชื่อเกี่ยวกับมันอย่างไร
ปัจจุบันได้มีผู้เชี่ยวชาญทำการศึกษาเรื่องราวของมันจนได้ข้อมูลที่มาพอจะนำไปค้นคว้าและสืบค้นต่อ
หลังจากที่เจ้าสัตวืลึกลับในตำนานนี้ออกมาโชว์ตัวบ่อยขึ้น
ซึ่งบัดนี้มันมีชื่อสากลเรียกขานกันสั้นๆ ว่า “ปลาออร์” (OARFISH)
“ปลาออร์” OARFISH)
มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับพญานาคตามความเชื่อของไทย
หรือมังกรทะเลในความเชื่อของชาวตะวันตก โดยมีความยาวได้สูงสุด 9 เมตร และหนัก 300
กิโลกรัม แต่ก็มีบันทึกไว้ใน กินเนสสืบุ๊ก ออฟ เวิร์ลด์ เรคคอร์ด ด้วยว่า ปลาชนิดนี้เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่ยาวที่สุดในโลก
โดยอาจยาวได้ถึง 11 เมตร ในขณะที่บางกระแสระบุว่าอาจยาวถึง 15 เมตร หรือกว่านั้น
ปลาขนาดนี้มีขากรรไกรยาว หน้าฝากโหนกคล้ายม้า ตาโต ครีบบนหลังเป็นสีชมพูแดง
ยาวยื่นออกมาถึงหัวเหมือนกับหงอนเล็กๆ เป็นจุดเด่นดูสะดุดตา และมีครีบพิเศษ
ยื่นออกมาทั้งสองข้างของส่วนหัว ลักษณะคล้ายกับใบพาย ส่วนลำตัวแบน สีเงิน
มีลายเป็นจุดสีฟ้าและดำประปราย
อาศัยอยู่ในท้องทะเลลึกระหว่าง 50-250 เมตร จึงพบเห็นได้ยากมาก
แต่ก็มีคนพบเห็นเป็นระยะๆ ในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่มักถูกคลื่นสัดมาเกยหาด
หรือไม่ก็เกิดอาการผิดปกติขึ้นกับปลา เช่น ป่วย หรือใกล้ตาย
น้อยครั้งที่จะพบเห็นขณะมีชีวิตอยู่ ปลาชนิดนี้กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร
ไม่เป็นอันตรายและไม่ทำร้ายมนุษย์
แต่เคยมีนักวิจัยชาวนิวซีแลนด์ระบุว่าหากแตะตัวมันขณะมันยังมีชีวิตอยู่
มันจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาช็อตได้
ปลาออร์เมื่อปรากฏตัวขึ้นที่ใดก้มักจะเป็นข่าวคึกโครมอยู่เสมอๆ
ซึ่งเนื้อหาข่าวจะเป็นไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น อาทิ
ปลาหวงไต้อี๋ว์ หรือตามความเชื่อโบราณเรียกว่า “ปลาแผ่นดินไหว”
ลำตัวยาว 3.5 เมตร
ไม่ว่า ปลาพญานาค ชื่อที่คนไทยคุ้นเคย
จะมีชีวิตอยู่ตามความเชื่อหรือข้อพิสูจน์ทางชีววิทยาก็ตาม
ก็ยังคงมีปริศนาอีกมากรอให้เราหาคำตอบกันต่อไป
สุดท้ายแล้วเรื่องเล่าต่างๆ เกี่ยวกับ “ปลาพญานาค” จะจริงหรือไม่
เป็นเพียงนิทานหรือสิ่งมหัศจรรย์...จนถึงตอนนี้ก็ยังยากจะคาดเดา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น