กล่าวกันว่า “พระธาตุพนม” ที่วัดมหาธาตุวรวิหาร อ.ธาตุพนมในปัจจุบันนั้น ถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลานานกว่า 2,500 ปีมาแล้ว โดยสร้างขึ้นเมื่อสมัย “อาณาจักรศรีโคตบูร” เมื่อประมาณ พ.ศ. 8 ซึ่งมีท้าวพญา 5 องค์ เป็นประธานในการก่อสร้าง ได้แก่
1.พญาจุลณีพรหมทัตต์ ผู้ครอง แคว้นจุลณี เป็นผู้ก่อด้านตะวันออก
2.พญาอินทปัตนคร ผู้ครอง เมืองอินทปัตต์ หรือแคว้นกัมพูชาโบราณ
เป็นผู้ก่อด้านใต้
3.พญาคำแดง
แห่งเมืองหนองหารน้อย
4.พญานันทเสน ผู้ครอง เมืองศรีโคตรบูร เป็นผู้ก่อด้านเหนือ
5.พญาสุวรรณพิงคาร ผู้ครอง เมืองหนองหานหลวง คือจังหวัดสกลนครในปัจจุบัน
เป็นผู้ก่อรวมยอดเข้าเป็นรูปฝาละมี
วัตถุประสงค์ของการสร้างพระธาตุพนมนั้นคือ เพื่อบรรจุ “พระอุรังคธาตุ”
หรือ “กระดูกหน้าอก” ของพระพุทธเจ้า ซึ่ง “พระมหากัสสปะ”
ได้อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย โดยในชั้นแรกพระธาตุพนมถูกสร้างขึ้นนั้นมีลักษณะเป็นรูปเตาสี่เหลี่ยม
มีความกว้างด้านละ 2 วา สูง 2 วา ข้างในเป็นโพรง มีประตูเปิดปิดทั้ง 4 ด้าน
ต่อมาจึงได้ทีการก่อสร้างเพิ่มเติม จนมีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงบัวเหลี่ยม
และได้รับการบูรณะซ่อมแซมเรื่อยมาตามกาลเวลา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม
2518 เกิดฝนตกติดต่อกันหลายวัน และมีพายุกรรโชกอย่างแรง
จนทำให้พระธาตุพังทลายลงมาทั้งองค์ จึงต้องมีการบูรณะขึ้นมาใหม่ เสร็จสิ้นในปี
2522 และอยู่มาจนปัจจุบัน
และด้วยความเชื่อที่ว่า “เมื่อพระอุรังคธาตุเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสูงค่ายิ่ง
จึงจะต้องมีเทวดาผู้วิเศษมารักษา” และนั่นจึงเป็นหน้าที่ของพญานาค
โดยได้รับคำสั่งจาก “พระอินทร์” เพราะพญานาคอยู่ใกล้กับโลกมนุษย์ที่สุด
เรื่องราวของพญานาคที่อารักขาพระธาตุพนมที่ “ฮือฮา” มากที่สุด
เกิดขึ้นในสมัยท่าน “พ่อแก้ว อุทุมมาลา” ในสมัยที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส
โดยเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาตี 2 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 11 2500
กล่าวคือ ในคืนนั้นเกิดฝนตกหนัก “นายไก้ฮวด แซ่ตั้ง”
ออกมารองน้ำฝนที่หน้าบ้าน ทันใดนั้นก็เห็นแสงประหลาดขนาดใหญ่ และมีสีต่างๆ
มากมายถึง 7 สี มาจากทิศเหนือ พุ่งมาถึงประตูวัดมหาธาตุ จึงหายไป และไม่เพียงตานายไก้ฮวดเท่านั้น
ภรรยาของเขาก็เห็นแสงดังกล่าวเช่นกัน
และเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้แพร่สะพัดออกไปในชุมชขอย่างรวดเร็ว
ต่อมาอีก 2 วัน หลวงพ่อเจ้าอาวาสก็ให้ “สามเณรทรัพย์”
นั่งทางในดูว่าเหตุการณ์นั้นคืออะไร และก็ปรากฏในนิมิตว่า ได้พบกับ พญานาคราชทั้ง
7 ซึ่งจำแลงแปลงองค์เป็นชาย นุ่งห่มอาภรณ์สีขาวยืนอยู่บริเวณลานพระธาตุพนม
ทันใดนั้นพญานาคราชผู้เป็นหัวหน้าก็ถามสามเณรทรัพย์ว่า “พ่อเณรมีธุระอันใด”
สามเณรทรัพย์ไม่ตอบ เพราะเกิดอาการตกใจกลัว และหันหลังตั้งใจจะกลับกุฏิ ทันใดนั้น
พญนาคราชผู้เป็นหัวหน้าก็พูดขึ้นอีกว่า “กระผมขอไปด้วย
อยากจะไปสนทนากับท่านเจ้าคุณ (เจ้าอาวาส)” พลัน!
ร่างของสามเณรทรัพย์ที่ประทับร่างทรงอยู่ก็หมดสติฟุบลง
แต่ชั่วเวลาเพียงไม่กี่อึดใจร่างของสามเณรก็กลับมาเป็นปกติเช่นเดิม มีเพียงบางสิ่งเท่านั้นที่เปลี่ยนไปคือ
อาการยกมือขึ้นกราบแล้วกล่าวคำนมัสการด้วยเสียงอันสูงของชายวัยกลางคน
แต่ดังมาจากปากของสามเณรทรัพย์ว่า “นมัสการท่านเจ้าคุณ พวกหม่อนฉันมา 2 คืนแล้ว”
หลวงพ่อสงสัยและแปลกใจจึงถามไปว่า “ท่านเป็นใคร และมาจากไหน” สิ้นเสียงคำถามนั้น
พลัน!
ก็มีเสียงตอบมาจากร่างสามเณรทรัพย์อีกว่า “หม่อนฉันเป็นพญานาคมีชื่อว่า พญาสัทโทนาคราช
มาจากสระอโนดาตกับนาคบริวารอีก 6 องค์ คือ พญาศีลวุฒินาโค พญาหิริวุฒินาโค พญาโอตตัปปะวุฒินาโค
พญาพาหุสัจจะวุฒินาโค พญาจาคะวุฒินาโค และพญาปัญญาเตชะวุฒินาโค พวกหม่อมฉันได้รับเทวบัญชาจากพระอินทร์
ให้มาเฝ้าอารักขาพระอุรังคธาตุแทนที่เทวดาชุดก่อนที่ประพฤติไม่เหมาะสม
เพราะได้กินอามิสสินบนและเครื่องเซ่นสรวงของชาวบ้าน ส่วนพวกหม่อนฉันไม่ต้องการ
นอกจากขอ “น้ำ” เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และจะอยู่เฝ้าไปจนกว่าจะสิ้นศาสนายุกาลของพระสมณโคดมพุทธเจ้า
คือ 5,000 ปี”
ตอนแรก หลวงพ่อเจ้าอาวาสและอีกหลายๆ ท่าน ยังไม่ปักใจเชื่อแต่อย่างใด แต่ต่อมาพญานาคราชก็ได้มาประทับร่างทรงบ่อยครั้ง
และได้ทำนายทายทักบอกเล่าเหตุการณ์ล่วงหน้าต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ จนหลายๆ
ฝ่ายเริ่มมีความเชื่อตรงกันว่า เป็นเรื่องจริง
และเมื่อได้สนทนากันโดยผ่านทางร่างทรง หลวงพ่อก็ได้ซักถามเรื่องราวต่างๆ
จนพญานาคราชบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระธาตุพนมอย่างหมดเปลือกว่า
“หลังจากที่ท้าวพญาทั้ง 5 ได้สร้างพระธาตุเสร็จ และเดินทางกลับบ้านเมืองของตนแล้ว
พระมหากัสสปะพร้อมทั้งพระอรหันต์ 500 รูป ได้กลับชมพูทวีปด้วยอธิษฐานจิตวิญญาณ
พระอินทร์ได้มีเทวบัญชาให้เทวดาจำนวน 4,006 องค์ และมเหศักดิ์เมืองอีก 3 องค์
รวมเป็น 4,009 องค์ เฝ้าอารักขาพระธาตุ แต่เทวดาเหล่านั้นประพฤติไม่เหมาะสม
พระอินทรืจึงมีเทวบัญชาให้พวกหม่อมฉันมาทำหน้าที่แทน
โดยพวกหม่อมฉันได้ไล่เทวดาชุดก่อนไปแล้ว
จึงสถิตอยู่ในทิพย์วิมานอันบังเกิดขึ้นด้วยบุญเนรมิตอยู่ใต้องค์พระธาตุ
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เมืองบาดาล” โดยหม่อมฉันทำการอารักขาด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
พญาศรีวุฒินาโคและพญาหิริวุฒินาโคอารักขาด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้
พญาโอตตัปปะวุฒินาโคและพญาพาหุสัจจะวุฒินาโคอารักขาด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้
พญาจาคะวุฒินาโคและพญาปัญญาเตชะวุฒินาโคอารักขาด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ”
แก้ข้อมูลตรงวัดมหาธาตุด้วยนะครับ พระธาตุพนม ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ไม่ใช่วัดมหาธาตุวรวิหาร
ตอบลบให้ความรู้โดยย่อดีค่ะ แค่ยังมีรายละเอียดอีกมาก ที่ผู้อ่านอ่านแล้วจะต้องเกิดความประทับใจและศรัทธายิ่ง หาได้จากหลายๆเวปนะคะ
ตอบลบ